สาธารณรัฐเช็ก หรือเช็กเกีย ชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเช็ก Czech Republic เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลาง พรมแดนทางตอนเหนือจรดประเทศโปแลนด์ ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือจรดเยอรมนี ทางใต้จรดออสเตรีย และทางตะวันออกจรดสโลวาเกีย

เช็กเกียประกอบด้วยภูมิภาคที่เก่าแก่สองส่วน คือ โบฮีเมียและมอเรเวีย และส่วนหนึ่งของภูมิภาคที่สาม เรียกว่า ไซลีเซีย ประเทศนี้ได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 เมืองหลวงของประเทศคือ ปราก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วย เมืองสำคัญอื่น ๆ ของประเทศ ได้แก่ เบอร์โน, ออสตราวา, เปิลเซน, ฮราเดตส์กราลอเว, เชสเกบุดเยยอวีตเซ และอูสตีนัดลาเบม

นับตั้งแต่การยุบเลิกประเทศเชโกสโลวาเกียเมื่อปลายปี พ.ศ. 2535 กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐเช็กได้สนับสนุนให้ใช้ชื่อประเทศแบบสั้นเป็นภาษาอังกฤษว่า “เช็กเกีย” (Czechia) แต่ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จนกระทั่งในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็กได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ชื่อ “เช็กเกีย” เป็นชื่อเรียกประเทศแบบสั้นอย่างเป็นทางการ

เมืองหลวง(และเมืองใหญ่สุด) ปราก
50°05′N 14°28′E
ภาษาราชการ ภาษาเช็ก
การปกครอง สาธารณรัฐประชาธิปไตย
• ประธานาธิบดี มิลอช เซมัน
• นายกรัฐมนตรี บอฮุสลัฟ ซอบอตกา
เอกราช
• ประกาศ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2461
• การสลายตัว1 1 มกราคม พ.ศ. 2536
เข้าร่วมสหภาพยุโรป 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547
พื้นที่
• รวม 78,866 ตร.กม. (115)
30,450 ตร.ไมล์
• แหล่งน้ำ (%) 2
ประชากร
• 2548 (ประเมิน) 10,241,138 (79)
• 2544 (สำมะโน) 10,230,060
• ความหนาแน่น 130 คน/ตร.กม. (58)
337 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2560 (ประมาณ)
• รวม $ 372.617 พันล้าน
• ต่อหัว $ 35,223
จีดีพี (ราคาตลาด) 2560 (ประมาณ)
• รวม $ 209.652 พันล้าน
• ต่อหัว $ 19,818
จีนี (2557) 25.9[1]
HDI (2559) Increase 0.878 (สูงมาก) (28th)
สกุลเงิน โครูนาเช็ก (CZK)
เขตเวลา CET (UTC+1)
• ฤดูร้อน (DST) CEST (UTC+2)
โดเมนบนสุด .cz
รหัสโทรศัพท์ 4202

เชื้อชาติ

ประชากร 10.28 ล้านคน ประกอบด้วยชาวเช็ก (94.4%) ชาวมอเรเวีย (5%) ชาวสโลวัก (1.4%) ชาวโปแลนด์ (0.4%) ชาวฮังการี (0.2%)
อัตราการเพิ่มประชากร – 0.05 % (ปี 2548)

  • กรุงปราก (Prague) มีประชากร 1.21 ล้านคน
  • Brno – เมืองศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมของแคว้นมอเรเวีย มีประชากรประมาณ 3.3 แสนคน
  • Ostrava – เมืองอุตสาหกรรม โดยเฉพาะทางด้านการถลุงเหล็ก อยู่ทางตะวันออกของประเทศ มีประชากรประมาณ 3.24 แสนคน
  • Plzeň – เมืองอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล และเป็นเมืองที่กำเนิดของเบียร์สูตรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อยู่ทางเหนือของประเทศ มีประชากร 1.7 แสนคน
  • อัตราการรู้หนังสือของผู้ใหญ่ 99.9%
  • อายุเฉลี่ย ชาย : 71 / หญิง : 78

ศาสนา

ไม่มีศาสนา 39.8% โรมันคาทอลิก 39.2% โปรเตสแตนต์ 6% ออร์ทอดอกซ์ 3% และอื่น ๆ 13.4%

เช็กเกียเป็นดินแดนที่ประกอบด้วย ที่ราบสูง พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าน้ำทะเล 200 เมตร นอกจากนั้นยังประกอบด้วย เนินเขา แม่น้ำรวมถึงทะเลสาบขนาดเล็ก ๆ อยู่ทั่วไป เช็กเกียเช็กเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชหลายชนิด เพราะมีดินที่อุดมสมบูรณ์ มีอากาศแบบอบอุ่นภาคพื้นทวีป มีแร่ธาตุหลายชนิด แร่ที่สำคัญได้แก่ ถ่านหินและยูเรเนียม

สาธารณรัฐเช็กมีพรมแดนติดกับเยอรมนี ออสเตรีย สโลวะเกีย และโปแลนด์ อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเป็นประตูเชื่อมต่อได้ทั้งยุโรปกลาง ยุโรปตะวันตก และยุโรปตะวันออก มีพื้นที่ 78,866 ตารางกิโลเมตร ไม่มีทางออกสู่ทะเล

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง โดยอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร มีเนินเขา แม่น้ำ และทะเลสาบขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ทั่วไป

สภาพภูมิอากาศแบ่งเป็น 4 ฤดู โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ -20 องศาเซลเซียส และสูงสุดในฤดูร้อนประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส อากาศค่อนข้างเย็นสบาย มักมีฝนในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิระหว่างวันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเนื่องจากลักษณะของภูมิประเทศ

กลุ่มรัฐสลาฟ

ดินแดนของเช็กเกียในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 2,000 ปี นับตั้งแต่เมื่อชนเผ่าสลาวอนิก (Slavonic Tribes) หรือชนเผ่าสลาฟ ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานแคว้นโบฮีเมียได้พัฒนาเป็นรัฐอิสระเป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 9 แต่ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชนเผ่าเยอรมันได้อพยพเข้ามายึดดินแดนเช็กในปัจจุบันเป็นอาณานิคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างวัฒนธรรมเช็กให้มีทั้งลักษณะของชนเผ่าเยอรมันและชนเผ่าสลาฟ กรุงปรากจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย อาทิ โรมาเนสก์ กอทิก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา บาโรก รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่าง ๆ ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของเช็กเกียได้อย่างดี ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน จนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์ฮับสบูร์ก (ราวศตวรรษที่ 15-18) และองค์การยูเนสโก ได้เลือกให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ เช็กยังมีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านการผลิตเบียร์ โดยเฉพาะที่เมืองเปิลเซน (Plzen)

กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในยุโรปตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันและยุคกลางของยุโรป กษัตริย์ชาลส์ที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมัน ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยชาลส์ (Charles University) ขึ้นที่กรุงปรากซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก ในช่วงยุคกลาง เช็กเกียอยู่ภายใต้การปกครองของคริสตจักรเช่นเดียวกับดินแดนอื่น ๆ ในยุโรป จนกระทั่งในปี 2069 เช็กเกียจึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ฮับสบูร์ก ในศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการฟื้นฟูความตระหนักถึงชนชาติ ซึ่งถึงจุดสูงสุดในปี 2391 เมื่อกรุงปรากเป็นเมืองแรกในอาณาจักรฮับสบูร์กที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูป และต้องการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

คริสต์ศตวรรษที่ 20

ดูบทความหลักที่: สาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย, สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 1 และ สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 2
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ฝ่ายพันธมิตรได้สนับสนุนให้ชาวเช็กและชาวสโลวักสร้างสหพันธรัฐประชาธิปไตยเชโกสโลวาเกียขึ้น ในปี 2461 เนื่องจากชาวเช็กและชาวสโลวักมีภาษาคล้ายคลึงกัน แต่แยกจากกันทางการเมือง เนื่องจากสโลวาเกียเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฮังการี ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เชโกสโลวาเกียเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมมีความก้าวหน้าที่สุดจนติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวสโลวักต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระจากชาวเช็กซึ่งมีบทบาทเหนือกว่า

ในเดือนมีนาคม 2482 กองทัพเยอรมนีนาซีได้รุกรานแคว้นโบฮีเมียและมอเรเวีย ทำให้เชโกสโลวาเกียสูญเสียความเป็นรัฐเอกราช จนกระทั่งในปี 2488 กองทัพโซเวียตได้ปลดปล่อยดินแดนของเชโกสโลวาเกียจากการปกครองของนาซี ทำให้สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการทางการเมืองของเชโกสโลวาเกียในเวลาต่อมา และในปี 2491 พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจไว้

หลังสงคราม

ดูบทความหลักที่: สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 3, สาธารณรัฐสังคมนิยมเชโกสโลวัก และ พรรคคอมมิวนิสต์เชโกสโลวัก
พรรคคอมมิวนิสต์มีอิทธิพลในเชโกสโลวาเกียมาโดยตลอด จนกระทั่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 ได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูป ที่เรียกว่า ช่วงฤดูใบไม้ผลิแห่งกรุงปราก (Prague Spring) ภายใต้การนำของนายอาเลกซันแดร์ ดุปเชก (Alexander Dubček) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียต และประเทศอื่นในกลุ่มกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact) เกรงว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อระบบคอมมิวนิสต์ จึงได้ยกกองกำลังเข้าไปในเชโกสโลวาเกียเมื่อปี 2511 และจัดตั้งระบบคอมมิวนิสต์ที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแนวคิดต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ในเช็กโกสโลวาเกีย

หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลง เชโกสโลวาเกียได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การปฏิวัติกำมะหยี่ (Velvet Revolution) และนายวาตสลัฟ ฮาเวล (Václav Havel) ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีเชโกสโลวาเกียในปี 2532

รัฐบาลเชโกสโลวาเกียได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2536 ให้สลายประเทศเชโกสโลวาเกีย และแบ่งออกเป็นสาธารณรัฐเช็ก (เช็กเกีย) และสาธารณรัฐสโลวัก (สโลวาเกีย) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า Velvet Divorce ต่อมา นายวาตสลัฟ ฮาเวลได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเช็กเกียในปี 2536 และได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2541 จนกระทั่งหมดวาระ (วาระละ 5 ปี) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2546 และนายวาตสลัฟ เกลาส์ (Vaclav Klaus) ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546

กรุงปรากได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งปราสาทร้อยยอด เมืองแห่งทองคำ เมืองสุดยอดอารยธรรม รวมทั้งเป็นหัวใจแห่งยุโรป

การขนานนามปรากเป็นเมืองหนึ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลกนั้นไม่ถือว่าเป็นการกล่าวเกินจริงเลย มีเพียงไม่กี่เมืองที่มีบรรยากาศและประวัติศาสตร์เช่นนี้ ศิลปะตระการตาและความเลิศหรูทางสถาปัตยกรรม

กรุงปรากเป็นเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก และกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวระยะสั้นที่ได้รับความนิยมที่สุดในยุโรป  กรุงปรากเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ พรั่งพร้อมไปด้วยศิลปะ ดนตรี การเต้นรำ ภาพยนตร์และละครเวที ทั้งยังเป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมยุโรปขนานแท้ เป็นเมืองที่สวยงามและแสนจะโรแมนติก เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยาย มีสวนที่เงียบสงบ คุณอาจพายเรือเล่นหรือเดินทอดน่องไปตามตรอกแคบๆ บนถนนที่โรยด้วยกรวดหิน แม้ว่าประวัติศาสตร์ของกรุงปรากสามารถนับย้อนไปได้กว่าพันปี แต่นครหลวงของเช็กแห่งนี้ก็มีความเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีโรงแรมหรูหรา ภัตตาคารชั้นเลิศที่มีอาหารเช็กต้นตำรับและอาหารนานาชาติไว้บริการ รวมทั้งคลับทันสมัยและผับที่เร้าใจ

เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เป็นเมืองมรดกโลกและเมืองประวัติศาสตร์ที่มีบรรยากาศที่โรแมนติก มีปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ ซึ่งถือเป็นปราสาทอันดับสองของประเทศ มีโรงละคร baroque ที่เก่าแก่ และมีแม่น้ำวัลตาวาไหลผ่านตัวเมืองเช่นกัน ทำให้มีบรรยากาศร่มรื่น เข้ากับความน่ารักของเมืองโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี การชมวิวทิวทัศน์จากมุมสูงและการเดินเล่นไปถนนหินเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปมาท่ามกลางบ้านเรือนแบบย้อนยุคถือเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำยามไปเยี่ยมเยือนเมืองนี้

เมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) เป็น spa resort ที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาสุขภาพด้วยน้ำแร่ เป็นที่พักตากอากาศในสมัยก่อนของเจ้าผู้ครองนคร ปัจจุบัน นอกเหนือจากการไปทำสปาเพื่อสุขภาพแล้ว นักท่องเที่ยวนิยมไปเดินเล่น เก็บภาพบ้านเรือนสีสันสดใส และชิมขนมเวเฟอร์แผ่นชื่อดังของเมือง.

เมืองคุทนา ฮอร่า (Kutna Hora) เป็นเมืองโบราณที่มีวิหารสวยงามชื่อ ซานต้า บาบาร่า (Santa Babara Cathedral) (นักบุญหญิงผู้ปกป้องคนงานเหมืองแร่) ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นในรูปแบบโกธิค (Gothic) ที่มีรูปทรงแหลมเสียดฟ้า นอกจากนี้ ยังมีโบสถ์อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมาก คือโบสถ์โครงกระดูก (Bone Church) ภายในตกแต่งด้วยกระดูกคนทั้งหมด รวมไปถึงโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ (chandelier) ก็ทำมาจากโครงกระดูก

เขตโมราเวีย (Region of Moravia) เป็นเขตที่มีชื่อเสียงในการปลูกไร่องุ่น มีโรงเก็บไวน์ (Wine Cellar) ที่เปิดให้ชิมไวน์ตลอดปี (wine tasting)