ประวัติศาสตร์เยอรมนี
การค้นพบโครงกระดูกฟันกรามเมาเออร์ 1 (Mauer 1) ได้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์มีการตั้งรกรากในบริเวณที่เป็นประเทศเยอรมนีในปัจจุบันมาตั้งแต่ 600,000 ปีที่แล้ว[6] เครื่องไม้เครื่องมือในการล่าสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกถูกค้นพบในเหมืองถ่านหินบริเวณเมืองเชินนิงเงิน ซึ่งได้ค้นพบทวนไม้โบราณสามเล่มที่ฝังอยู่ใต้ผืนดินมาเป็นเวลากว่า 380,000 ปี[7] นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบฟอสซิลมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ “นีแอนเดอร์ทาล” เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งคาดว่ามีอายุกว่า 40,000 ปี นอกจากนี้ยังมีการค้นพบหลักฐานของมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันในถ้ำของเทือกเขาแอลป์ชวาเบินใกล้กับเมืองอุล์ม และยังมีการค้นพบเครื่องเป่าที่ทำจากงาช้างแมมมอธและกระดูกของนกอายุกว่า 42,000 ปี ถือเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีการค้นพบ[8] นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบรูปสลัก “ไลออนแมน” ที่ตัวเป็นคนหัวเป็นสิงโตจากยุคน้ำแข็งเมื่อ 40,000 ปีก่อน ถือเป็นงานศิลปะอุปมาเลียนแบบกายมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยมีการค้นพบ[9]
กลุ่มชนเจอร์แมนิกและอาณาจักรแฟรงก์
ดูบทความหลักที่: กลุ่มชนเจอร์แมนิก และ สมัยการย้ายถิ่น
คาดการณ์ว่ากลุ่มชนเจอร์แมนิกตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์ไปจนถึงยุคเหล็กก่อนการก่อตั้งกรุงโรมนั้น เดิมอยู่อาศัยบริเวณทางใต้ของสแกนดิเนเวียไปจนถึงตอนเหนือของเยอรมนี พวกเขาขยายอาณาเขตไปทางใต้ ตะวันตกและตะวันออก จนได้รู้จักและติดต่อกับชาวเคลต์ในดินแดนกอล รวมไปถึงกลุ่มชนอิหร่าน, ชาวบอลติก, ชาวสลาฟ ซึ่งอาศัยอยู่ในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก[10] ต่อมา กรุงโรมภายใต้จักรพรรดิเอากุสตุส เริ่มการรุกรานดินแดนที่เป็นประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน และแผ่ขยายดินแดนครอบคลุมทั่วลุ่มแม่น้ำไรน์และเทือกเขายูรัล ในค.ศ. 9 กองทหารโรมันสามกองนำโดยวาริอุสได้พ่ายแพ้ให้กับอาร์มินีอุสแห่งชนเผ่าเครุสค์ ต่อมาในค.ศ. 100 ในช่วงที่ตากิตุสเขียนหนังสือ Germania กลุ่มชนเผ่าเยอรมันก็ต่างได้ตั้งถิ่นฐานตลอดแม่น้ำไรน์และแม่น้ำดานูบ และเข้าครอบครองดินแดนเกือบทั้งหมดในส่วนที่เป็นประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 3 ได้มีการเกิดขึ้นของเผ่าเยอรมันขนาดใหญ่หลายเผ่าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นชนอลามันน์ (Alemanni), ชาวแฟรงก์ (Franks), ชาวชัตต์ (Chatti), ชาวแซกซอน (Saxons), ชาวซีกัม (Sicambri), และชาวเทือริง (Thuringii) ราวค.ศ. 260 พวกชนเผ่าเยอรมันเหล่านี้ก็รุกเข้าไปในดินแดนในความควบคุมของโรมัน[11] ภายหลังการรุกรานของชาวฮันในปี 375 และการเสื่อมอำนาจของโรมันตั้งแต่ปี 395 เป็นต้นไป พวกชนเผ่าเยอรมันก็ยิ่งรุกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ชนเผ่าเยอรมันขนาดใหญ่เหล่านี้เข้าครอบงำชนเผ่าเยอรมันขนาดเล็กต่างๆ เกิดเป็นดินแดนของชนเผ่าเยอรมันในบริเวณที่เป็นประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน
อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออกและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ดูบทความหลักที่: อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก และ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ในค.ศ. 800 ชาร์เลอมาญ กษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์ ได้ปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งชาวโรมัน และสถาปนาจักรวรรดิการอแล็งเฌียง ต่อมาในปีค.ศ. 840 ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นจากการแย่งชิงบัลลังก์ในหมู่พระโอรสของจักรพรรดิหลุยส์ผู้ศรัทธา[12] สงครามกลางเมืองครั้งนี้จบลงในปี 843 โดยการแบ่งจักรวรรดิการอแล็งเฌียงออกเป็นสามอาณาจักรอันได้แก่:
- อาณาจักรแฟรงก์กลาง – บริเวณเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก ตะวันออกของฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และภาคเหนือของอิตาลี
- อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก – บริเวณเยอรมนี ออสเตรีย เช็กเกีย สโลวะเกีย ฮังการี สโลวีเนีย โครเอเชีย และบางส่วนของบอสเนีย
- อาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก – บริเวณตอนกลางและตะวันตกของฝรั่งเศส
อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออกแผ่ขยายดินแดนอย่างมากมายครอบคลุมถึงอิตาลีในรัชสมัยพระเจ้าออทโทที่ 1 ในปีค.ศ. 962 พระองค์ก็ปราบดาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งชาวโรมันตามแบบอย่างชาร์เลอมาญ และสถาปนาราชวงศ์ออทโท ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
สรุปประวัติศาสตร์โดยย่อ
สรุปประวัติเยอรมนี เรียงลำดับเหตุการณ์ตามปีค.ศ. เพื่อความเข้าใจคร่าวๆ ตาม timeline
- 509 ปีก่อนคริสตกาล – ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสกาล กำเนิดสาธารณรัฐโรมัน
- 100 ปีก่อนคริสตกาล กลุ่มชนเจอร์แมนิกรุกเข้าชายแดนสาธารณรัฐโรมัน
- ประมาณศตวรรษที่1 กำเนิดจักรวรรดิโรมัน
- จักรวรรดิโรมันถูกแบ่ง
- จักรวรรดิโรมันตะวันตก (ค.ศ.286- ค.ศ.476)
- ย้ายเมืองหลวงจากกรุงโรม ไปเมดิโอลานัม (หรือที่มิลานในปัจจุบัน) และย้ายอีกทีไปที่ราเวนนา
- จักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือเรียกอีกชื่อได้ว่า จักวรรดิไบแซนไทน์ (ค.ศ.330 – ค.ศ.1453)
- ตั้งเมืองหลวงที่คอนสแตนติโนเปิล (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน)
- ค.ศ.481 – ค.ศ.814 ชาวแฟรงก์เรืองอำนาจ ขยายอาณาเขตเพิ่มมากขึ้น
- ค.ศ.800 พระสันตปาปารับรอง พระเจ้าชาร์เลอมาญ ในฐานะ “จักรพรรดิแห่งชาวโรมัน” มีพิธีสวมมงกุฏ ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรุงโรม
- ค.ศ.962 พระเจ้าออตโต ได้รับการสวมมงกุฏจากพระสันตะปาปา เป็นจักรพรรดิออตโตที่1 (Otto I) ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรก แห่ง “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์”
- ค.ศ.962 – ค.ศ.1806 จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ
- ในช่วงแรกๆจะเรียกว่า “ราชอาณาจักรแห่งชาวแฟรงก์ตะวันออก” หรือ “อาณาจักรแฟรงก์” ต่อมามีชื่ออย่างเป็นทางการคือ “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แห่งชาติเยอรมัน”
- ค.ศ.1033 จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผนวกรวมกับราชอาณาจักรเบอร์กันดี
- ต่อมา จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ก็ผนวกรวมกับโบฮีเมียอีก
- แคว้นโบฮีเมีย เลื่อนสถานะเป็น ราชอาณาจักรโบฮีเมีย
- ต่อมา ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย
- ต่อมา ก็กลายเป็น จักรวรรดิออสเตรีย-อังการี
- ต่อมาก็ล่มสลายลง กลายเป็น สาธารณรัฐเชคโกสโลวักที่1
- จนในปัจจุบันแยกออกเป็น สาธารณรัฐเช็ก
- ค.ศ.1056 เกิดการปฏิรูปศาสนา โดย นักปฏิรูปเกรกอเรียน ทำให้ “ผู้นำฆราวาส ไม่มีสิทธิในการเลือกพระสันตะปาปา”
- เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า ฝ่ายศาสนามีชัยเหนือฝ่ายฆราวาส
- ค.ศ.1122 จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เสื่อมถอย
- ค.ศ.1138 – ค.ศ.1254 ราชวงศ์โฮเฮนชเตาเฟินปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
- ช่วงหนึ่งทำสงครามกับพระสันตะปาปาที่อิตาลี ไม่สำเร็จ เลยย้ายไปตี ดินแดนด้านบนแทน
- ช่วงท้ายจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นดินแดนที่ไร้จักรพรรดิ
- และตั้งแต่ ค.ศ.1273 มีการผลัดกันเป็นกษัตริย์แห่งเยอรมัน ในสามตระกูล ได้แก่ ตระกูลฮับส์บูร์ก (Habsburg) ตระกูลลักแซมเบิร์ก(Luxembourg) และตระกูลวิตเตลสบาค(Wittelsbach)
- ค.ศ.1312 พระเจ้าเฮนรีแห่งโบฮีเมีย จากตระกูลลักเซมเบิร์ก ได้รับการสวมมงกุฏเป็นจักรพรรดิ ทำให้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ มีจักรพรรดิอีกครั้ง แต่มีการแตกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย และไม่สามารถรวมกันได้อีก 600 ปี
- ค.ศ.1350 ได้มีกาฬโรคระบาดเข้ามายังเยอรมนี ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายล้านคน
- ค.ศ.1356 ได้มีการปรับปรุงระบบการปกครอง ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยมีการแต่งตั้งเจ้านครรัฐผู้คัดเลือก
- ค.ศ.1437 พระเจ้าเฟรเดอริคที่3 แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
- ทำให้ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ได้ปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ไปอีก400ปี จนกระทั่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ล่มสลายลง
- ค.ศ.1495 ก่อตั้ง “สหราชรัฐแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์”
- ค.ศ.1548 นิกายลูเทอรัน (นิกายย่อยของโปรแตสแตนต์ นำโดยมาร์ติน ลูเธอร์) ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
- ค.ศ.1618 – ค.ศ.1648 เกิดสงครามสามสิบปี
- แรกสุด เกิดจากความขัดแย้งระหว่าง นิกายโปรเตสแตนต์ และโรมันคาทอลิก ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
- แต่สุดท้ายบานปลาย เป็นสงครามที่ไม่ได้มีเหตุผลใดเกี่ยวข้องกับศาสนาเลย
- สงครามสามสิบปีก็ยุติลงด้วย สนธิสัญญามึนสเตอร์ (Teaty of Münster) ที่เป็นส่วนของสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย (Peace of Westphalia)
- ค.ศ.1701 จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดนเบียดจนเหลือดินแดนน้อยลง และเปลี่ยนเป็น อาณาจักร แห่ง ปรัสเซีย
- ค.ศ.1805 จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์(อาณาจักร แห่ง ปรัสเซีย) ล่มสลายอย่างเป็นทางการ
- ค.ศ.1806 – ค.ศ.1813 แคว้นต่างๆรวมตัวกันเป็น สมาพันธรัฐแห่งไรน์ ภายใต้นโปเลียน(ฝรั่งเศส)
- ค.ศ.1813 นโปเลียนแพ้สงคราม สมาพันธรัฐแห่งไรน์ก็ถูกยุบไปด้วย
- ค.ศ.1815 – ค.ศ.1866 กำเนิดสมาพันธรัฐเยอรมัน
- ออสเตรีย และปรัสเซียเรืองอำนาจ
- ค.ศ.1867 – ค.ศ.1871 กำเนิดสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือ
- ค.ศ.1871- ค.ศ.1918 กำเนิดจักรวรรดิเยอรมนี
- ค.ศ.1914- ค.ศ.1918 เกิดสงครามโลกครั้งที่1
- ค.ศ.1918 เยอรมันแพ้สงคราม จักรวรรดิเยอรมนีสิ้นสุดลง
- ค.ศ.1919 – ค.ศ.1933 กำเนิดสาธารณรัฐไวมาร์
- เกิดพรรคนาซีของฮิตเลอร์
- ค.ศ.1939 – ค.ศ.1945 เกิดสงครามโลกครั้งที่2
- ค.ศ.1945 นาซีเยอรมนี ล่มสลาย
- ค.ศ.1947 – ค.ศ.1991 ช่วงที่เกิดสงครามเย็น
- ค.ศ.1945 ประเทศเยอรมนีออกเป็น 4 ส่วน
- ค.ศ.1946 รวมดินแดนเยอรมนีในการปกครองของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือ เยอรมนีตะวันตก
- ส่วนเยอรมนีตะวันออก ก็อยู่ในการปกครองของสหภาพโซเวียตฝ่ายเดียวเหมือนเดิม
- ค.ศ.1964 สร้างกำแพงเบอร์ลิน
- ค.ศ.1990 ทำลายกำแพงเบอร์ลินอย่างเป็นทางการ
- ค.ศ.1990 เปิดการประชุมสองบวกสี่
- ค.ศ.1991 ประเทศเยอรมนี มีอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์